วิธีการประหยัดต้นทุนการพิมพ์และลักษณะของตลับหมึกพิมพ์

วิธีการประหยัดต้นทุนการพิมพ์และลักษณะของตลับหมึกพิมพ์
ปรินเตอร์นับเป็นอุปกรณ์ไอทีอีกชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปรู้สึกว่ามันเลือกซื้อยากพอๆ กับพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเลยทีเดียว แม้แต่คนไอทีเองบางครั้งก็เลือกไม่ถูกหรือแนะนำได้ไม่ตรงใจคนซื้อ จริงๆ แล้วปรินเตอร์ก็เหมือนกับอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ คือถ้ารู้ความต้องการของเรา และรู้ความสามารถของสิ่งที่ต้องการซื้อ

ตลับหมึกพิมพ์ที่นำเข้าเป็นตลับพลาสติกมีหลายรุ่น ขนาดต่างๆ กันแบ่งตามลักษณะได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้

  1. ตลับหมึกพิมพ์ ไม่มีหัวพิมพ์ ประกอบด้วยหมึกพิมพ์สี (สีดำหรือแม่สี) บรรจุตลับพลาสติก อาจมีสมาร์ทชิพประกอบร่วมอยู่ที่ส่วนหัว การใช้งานโดยการนำตลับใส่ในเครื่องให้คว่ำตลับลง เพื่อให้น้ำหมึกไหลไปยังหัวพิมพ์ฉีดหมึกโดยตรง หรือผ่านท่อพลาสติก กรณีเครื่องพิพม์องค์เจ็ตขนาดใหญ่จะติดตั้งสมาร์ทชิพเพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำหมึกพิมพ์ว่าเพียงพอสำหรับงานพิมพ์แต่ละครั้งด้วย
  2. หัวพิมพ์อิงค์เจ็ท หรือ หัวพิมพ์อิงค์เจ็ทและตลับล้างหัวพิมพ์จัดเป็นชุดเพื่อการขายปลีก ลักษณะของหัวพิมพ์ประกอบด้วยตลับรองรับน้ำหมึก ห้องพ่นหมึก แผนวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตัวต้านทานความร้อนและหัวฉีดหมึกแต่ละห้องพ่นหมึก ซึ่งมีรูขนาดเล็กมาก จำนวนมากถึง 408 หัวฉีด การทำงานเมื่อกระแสไฟฟ้าถูกปล่อยเข้าตัวต้านทานทุกห้องพ่นหมึกที่ต้องการพ่นหมึกให้เป็นตัวอักษร ตัวต้านทานจะถูกทำให้ร้อนขึ้นจนถึงอุณหภูมิ 4800C จนน้ำหมึกกลายเป็นฟองอากาศเกิดแรงดันที่ผิวของน้ำกับหมึก ทำให้น้ำหมึกขนาดเล็กหลุดออกจากหัวฉีดไปถูกกระดาษ กรณีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตขนาดใหญ่เมื่อมีการใช้งานมากน้ำหมึกจะติดที่หัวพิมพ์ จะมีตลับล้างหัวพิมพ์มาด้วย สำหรับติดตั้งในเครื่องเพื่อเช็ดทำความสะอาด
  3. ตลับหมึกพิมพ์ที่มีหัวพิมพ์อิงค์เจ็ทติดตั้งอย่างถาวร หรือตลับหมึกพิมพ์ ตลับหัวพิมพ์ และตลับล้างหัวพิมพ์จัดเป็นชุดเพื่อการขายปลีก สินค้าชนิดที่ 3 มี 2 ประเภท คือ ประเภทหนึ่งออกแบบมาใช้กับเครื่องพริ้นเตอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์องค์เจ็ตขนาดใหญ่ อีกประเภทหนึ่งออกแบบใช้กับเครื่องจักร หรือเครื่องอุปกรณ์หลายชนิด

วิธีการประหยัดต้นทุนการพิมพ์

  1. ใช้โหมดการพิมพ์ดราฟท์หากยังไม่ใช่สำเนาชุดที่จะใช้จริง
  2. ใช้ฟอนท์ขนาดเล็กลงหากพิมพ์เพียงเพื่อจะตรวจสอบเท่านั้น
  3. ควรเปิดเครื่องไว้เพราะทุกครั้งที่เปิดหรือปิดเครื่องนั้นพรินเตอร์จะไล่หมึกทิ้งเพื่อทำความสะอาดหัวพิมพ์
  4. เลือกพรินเตอร์แบบตลับหมึกแยกสีหากคุณพิมพ์ภาพถ่ายเป็นจำนวนมาก เพื่อให้คุณได้ประหยัดเพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนตลับหมึกทั้งหมดเมื่อหมึกหมดเพียงหนึ่งหรือสองสี
  5. ใช้กระดาษให้คุ้มค่าที่สุด เช่นพิมพ์ภาพขนาด 4R สี่ภาพบนกระดาษ A4 เพียงแผ่นเดียว